วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

Product Life Cycle

Product Life Cycle หรือ วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์    
ส่วนนี้ก็สำคัญมากครับในการทำธุรกิจต่างๆ ซึ่ง!!!เราจะใช้วิเคราะห์เพื่อที่จะรู้ว่าสินค้าหรือบริการของเราเนี้ยอยู่ตรงจุดไหน ระดับใด? เพื่อที่จะกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างถูกต้องและตรงจุดมากขึ้นครับ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจที่ปิดกิจการไปนั้น #ProductLifeCycle ก็มีส่วนเกี่ยวมากๆครับ เนื่องจากว่าการกำหนดกลยุทธ์ของเราเนี้ย ไม่ตรงกับตำแหน่ง #ProductLifeCycle  ซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองงบและขาดทุนในที่สุด เรามาดูกันครับว่าในการ วิเคราะห์ #ProductLifeCycle หรือ วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์   เขาจะดูจากปัจจัยทั้ง5ครับ
1.ยอดขาย  มากหรือน้อย
2.ต้นทุน ใช้เงินเยอะหรือน้อย
3.เราได้กำไร หรือ เราขาดทุน 
4.อัตราการเจริญเติบโตของสินค้าในตลาด สินค้ามีความต้องการจากผู้บริโภคไหม
5.สภาพการแข่งขันหรือคู่แข่งเรานั้นเอง มีมากหรือน้อย

Image result for product life cycle

ถ้าสินค้าเราอยู่ในขั้น
1. Introduction (ขั้นแนะนำ) ก็คือสินค้าเราเพิ่งเข้าตลาด  ส่วนใหญ่เขาใช้กลยุทธ์แบบ Build ก็คือ ลงทุนเกี่ยวกับการตลาดพวกโฆษณาเพื่อสร้างให้คนรู้จักร ให้คนได้ทดลองใช้สินค้า ซึ่งในการทำ Build จะต้องขาดทุน เนื่องจากเราใช้ต้นทุนทางการตลาดเยอะ มีสินค้าบางตัวอยู่ในตลาดมา 10-20ปี ก็ยังค้างอยู่ในช่วง  Introduction (แนะนำ) ระยะเวลาที่เป็นปีนั้นไม่สามารถกำหนดสินค้าใน  Product Life Cycle ได้นอกจากปัจจัยทั้ง5

2. Growth (ขั้นเจริญเติบโต) หรือขั้นที่แบบยอดขายปัง คนรู้จักร การเติบโตของสินค้าเราสูงมากคนต้องการชื้อสินค้าของเรามาก ไอขั้นเนี้ย ก็ยังทำ Build อยู่แต่จะเป็นการทำ ปรับปรุงProduct โดยเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ ทำContentให้คนที่รู้จักรสินค้าเปลี่ยนมาเป็นชอบสินค้าของเรา แต่ไอขั้นเนี้ยเราจะได้กำไรนะ จะไม่ขาดทุนเพราะเรามียอดขายที่ปัง และสินค้าเราเติบโตแต่ข้อควรระวังคือการเก็บ stock สินค้าระบบการจัดการก็ต้องดีด้วย

3. Maturity (ขั้นเจริญเติบโตเต็มที่) หรือเรียกได้ง่ายๆว่า อิ่มตัวนั้นแหละคือยอดขายจะแบบคงที่ไม่สูงไม่ต่ำแต่ก็มีแนวโน้มลดลงหรืออาจจะเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของกำไรเนี้ยจะค่อยๆลดลงซึ่งในขั้นเนี้ยจะมีการแข่งขันที่แบบรุนแรงมากเนื่องจากมีการช่วงชิงตลาดกัน เป็นขั้นที่ท้าทายที่สุดของนักการตลาดเลยครับ กลยุทธ์ที่ใช้กันก็พวก Hold ก็คือคุมไว้ ถือไว้ห้ามให้ตกดันให้สูงตลอด จะเป็นในรูปแบบของการ #เพิ่มกำไร รักษายอดขายไว้ และต้องคิด #innovation ใหม่ๆ เพื่อแย่งลูกค้ากันเพราะในขั้นเนี้ยการแข่งขันจะรุนแรงมากๆครับ

4. Decline (หรือขั้นถดถอย) สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำใจครับ5555 เอ้ย!!!ไม่สิ มันต้องมีหนทางออก สิ่งแรกคือเราต้องทำ Harvest หรือการเก็บเกี่ยวนั้นเอง เก็บเกี่ยวทุกอย่างที่เรามองว่าจะได้กำไร ตัดสินค้าบางตัวที่ไม่สามารถทำรายได้ให้แก่เราออก เพราะไม่มีธุรกิจไหนที่จะอยากมายืนจุดนี้ครับ เพราะเป็นจุดที่ยอดขายตกต่ำ ต้นทุนต่อสินค้าก็ต่ำลงไปด้วย กำไรลดลงเริ่มมีการขาดทุนจึงไม่แปลกครับที่จะต้องเก็บเกี่ยวทุกอย่างที่จะสามารถทำกำไรและคืนทุน สุดท้ายหากไม่สามารถดันสินค้าออกจากขั้น Decline ได้ ธุรกิจก็อาจจะต้องปิดตัวลงครับ


และนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้เรียนรู้มาจากในห้องเรียนเท่าพอที่จะจำและอธิบายได้หวังว่าคงมีประโยชน์ต่อธุรกิจนะครับ




credit รูปภาพ semantics3.com





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Facebook Insight

Facebook Insight เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่น่าสนใจเลยที่เดียว แต่ละคำสั่งก็น่าสนใจอยู่มากเลยนะครับ มันช่วยให้เราทำแคมเปญ และวิเคราะห์พฤต...